ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

กรณีที่มีการออกเช็คสั่งจ่ายเงินโดยรวมดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเอาไว้ด้วยแม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

ฎีกาที่ 508- 5010/2549

โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือเท่ากับร้อยละ 24 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3  เมื่อไม่ปรากฏว่าการสั่งจ่ายเช็คแต่ละฉบับตามฟ้องแยกเป็นการชำระหนี้เงินต้นเท่าใดจะได้ดอกเบี้ยเท่าใด  จึงถือได้ว่า  เช็คตามฟ้องที่จำเลยสั่งจ่ายแก่โจทก์ได้รวมดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเอาไว้ด้วย เมื่อธนาคารตามเช็คกับใบเสร็จการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยก็ไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

https://www.xn--m3chxdimor3acc6c2a3o7gd.com/

กฎหมายหน้ารู้

การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนนั้น มีการออกพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พุทธศักราช 2527 ใช้บังคับปรากฏว่า

การกู้ยืมเงินและรับฝากเงินจากประชาชนทั่วไปโดยมีการจ่ายเงิน  ดอกเบี้ย  หรือผลประโยชน์อย่างอื่นตอบแทนให้สูงเกินไปกว่าประโยชน์ที่ผู้กู้ยืมเงินหรือผู้รับฝากเงินจากเพิ่งหามาได้จากการประกอบธุรกิจตามปกติโดยผู้กระทำได้ร่วมประชาชนที่หวังจะได้ดอกเบี้ยในอัตราสูงให้นำเงินมาเก็บไว้กับตน ด้วยการใช้วิธีการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงเป็นเครื่องล่อใจ แล้วนำเงินที่ได้มาจากการกู้ยืมหรือรับฝากเงินรายอื่นๆมาจ่ายเป็นดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ให้แก่ผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ฝากเงินรายก่อนๆในลักษณะต่อเนื่องกันอันเป็นลักษณะของการฉ้อโกงประชาชนเพราะจะไม่ได้รับเงินคืน

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

หน้าแรก

กฎหมายหน้ารู้

ข้อปฏิบัติในคดีกู้ยืมเงิน

ข้อปฏิบัติในคดีกู้ยืมเงิน

ทางปฏิบัติในการกู้ยืมเงินที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้

การกล่าวถึงหลักการพื้นๆไม่ลงลึกในรายละเอียด  เพียงเพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงการแนวทาง ในการทำคดีประเภทนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรจะยึดถือเป็นหลักตายตัวไปทั้งหมด จะยึดได้กรณีเฉพาะที่มีการแนวทางปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเท่านั้น    ส่วนด้านอื่นที่เป็นเทคนิคของผู้ทำคดีแต่ละคนที่จะประยุกต์ใช้หรือมีเทคนิควิธีการที่ดีอยู่แล้วก็ได้ซึ่งเป็นเรื่องของเฉพาะบุคคลไป     ในทางปฏิบัติในคดีกู้ยืมเงินในแต่ละขั้นตอน  ผู้เขียนเห็นว่าควรมีสิ่งดังต่อไปนี้

  1. การตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นขั้นตอนแรกที่เราจะต้องกระทำเมื่อเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องในคดี ทางหนึ่งที่จะได้ข้อเท็จจริงก็คือการตรวจสอบซักถามรายละเอียดข้อเท็จจริงจากตัวความ เพิ่งมาติดต่อปรึกษาว่าจ้างให้เราเป็นทนายความให้ จะต้องซักถามรายละเอียดและข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมีอะไร อย่างไรบ้าง ต้องรวบรวมไว้ซึ่งจะต้องซักถามรายละเอียดให้ครบถ้วน
  2. หนังสือบอกกล่าวทวงถาม หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อมองลู่ทางรูปเขาของคดีแล้ว เมื่อตัดสินใจฟ้องร้องก็มักจะมีการออกหนังสือบอกกล่าวที่เรียกว่า Notice เป็นการกล่าวเตือนให้ปฏิบัติการชำระหนี้มิฉะนั้นจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ลักษณะของหนังสือบอกกล่าวนั้นควรมีลักษณะตรงไปตรงมา กล่าวถึงเหตุผลความเป็นมาของนิติกรรมสัญญาระหว่างกันการผิดนัดจำนวนหนี้สินที่ต้องชำระตลอดเป็นมาตรการที่จะให้ดำเนินการหากไม่ปฏิบัติตามการชำระหนี้คือ การฟ้องคดีนั้นเอง

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

หน้าแรก

กฎหมายหน้ารู้

ความผิดยักยอกทรัพย์

ความผิดยักยอกทรัพย์

              ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 บัญญัติว่า    ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยได้เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอกต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

             ถ่ายทอดนั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใดหรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงครึ่งหนึ่ง

https://www.facebook.com/chessstudio/

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

 

 

 

กฎหมายหน้ารู้

การแจ้งความเท็จ

การแจ้งความเท็จ

การกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จมักจะเกี่ยวเนื่องกับกรณีการไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงานสอบสวน ซึ่งผู้แจ้งอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ซึ่งเป็นบททั่วไป

             มาตรา 137 บัญญัติว่าผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

             มาตรา 172 บัญญัติว่าผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดีพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

             มาตรา 173 บัญญัติว่าผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท

https://www.facebook.com/chessstudio/

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

กฎหมายหน้ารู้

การคิดดอกเบี้ยทบต้น

การคิดดอกเบี้ยทบต้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา65 ได้กำหนดบทบัญญัติไว้ว่า ” ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ แต่ถ้าว่าเมื่อดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปี 1 คู่สัญญากู้ยืมจะตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยนั้นทบเท่ากับต้นเงินแล้ว  ให้คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นก็ได้ รายการตกลงเช่นนั้นต้องทำเป็นหนังสือ  ” https://www.funpizza.net/

ส่วนประเพณีการค้าขายที่คำนวณดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัดก็ดีในการค้าขายอย่างอื่นทำนองเช่นว่านี้ก็ดี  หาอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติซึ่งกล่าวมาในวรรคก่อนนั้นไม่ https://www.sushitokyo.net/

ตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า กฎหมายบัญญัติเป็นหลักเบื้องต้นไว้เลยว่าห้ามไม่ให้คิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ค้างชำระ มีการคิดดอกเบี้ยทบต้นจะต้องตามกรณีข้อยกเว้น  กล่าวคือ  กรณีที่มีการตกลงไว้เป็นหนังสือให้นำเอาดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปี 1 มาทบเท่ากับต้นเงินได้และในกรณีการคิดดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัดตลอดจนการค้าขายอย่างอื่นทำนองเดียวกัน    มาตรา 65 วรรคสองซึ่งการห้ามคิดดอกเบี้ยทบต้นนี้ในเรื่องหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรค 2  ข้อบัญญัติไว้ในทำนองเดียวกันว่า   ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382 https://www.highlandstheatre.com/

https://www.xn--m3chxdimor3acc6c2a3o7gd.com/

 

กฎหมายหน้ารู้

กู้ยืมเงินโดยไม่มีสัญญากู้

กู้ยืมเงินโดยไม่มีสัญญากู้

หลักฐานเป็นหนังสือนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสัญญากู้ยืมเงินเสมอไป แต่จะปรากฏหลักฐานเป็นหนังสือในรูปแบบใดก็ได้ที่มีลายมือชื่อผู้กู้ ลงไว้เป็นสำคัญ  เช่น  จดหมายโต้ตอบ หนังสือรับสภาพหนี้ บันทึกการเปรียบเทียบของอำเภอรายงานการประชุม รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นต้น การมีหลักฐานดังกล่าวก็ถือว่าเป็นหลักฐานที่สามารถนำมาใช้ในการฟ้องคดีได้แล้ว

ฎีกาที่ 36/2555

เอกสารหมาย จ.2 นอกจากจะเป็นหลักฐานว่าจำเลยรับโฉนดที่ดินจาก ส.แล้ว เอกสารดังกล่าวยังมีข้อความที่แสดงว่าเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2536 จำเลยได้ผู้ยืมเงินจากจำนวน 2 ล้านบาท จึงเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ   แม้จำเลยซึ่งเป็นผู้กู้ ไม่เจตนาให้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินกันก็ตาม แต่การที่คู่สัญญาไม่ได้ทำสัญญากู้ยืมกันเป็นหนังสือไว้แล้ว  หามีผลทำให้เอกสารฉบับนี้ไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม    โจทก์จึงใช้เอกสาร หมาย จ. 2 เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือได้

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

หน้าแรก

 

กฎหมายหน้ารู้

ความผิดกรรมเดียว ความผิดหลายกรรม

ความผิดกรรมเดียว ความผิดหลายกรรม https://www.highlandstheatre.com/
1. ความผิดกรรมเดียว
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 บัญญัติว่า “ เมื่อการกระทำใดอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ใช้กฎหมายบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด แต่ถึงอย่างไรก็ตามการกระทำความผิด ใน 1 คดีอาจเป็นความผิดควบกับความผิดคนอื่นเช่นฉ้อโกงซึ่งถือเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทได้ ” mahjong slot
ฎีกาที่ 2918/2527 จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบสินค้าให้แก่จำเลยไปและในวันนั้นเองจำเลยออกเช็คให้แก่ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าที่หลอกไปนั้นเห็นได้ว่าการเขียนเช็คว่ามีแต่ผู้ต้องหาได้กระทำเวลาต่อเนื่องใกล้ชิดกับเวลาที่รับสินค้าไปจากผู้เสียหายโดยมีเจตนาอย่างเดียวคือให้ได้สินค้าตามที่ต้องการจากผู้เสียหายการออกเช็คเป็นเพียงการกระทำส่วนหนึ่งของการหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าจากผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำ ของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงและเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 แต่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
2. ความผิดหลายกรรม https://www.sushitokyo.net/
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 บัญญัติว่าเมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปแต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษหรือลดโทษหรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตามเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้
1) สำหรับกรณีความผิดกันตรงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 3 ปี
2) 20 ปีสำหรับกรณีความผิดก็ตรงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปีแต่ไม่เกิน 10 ปี
3) 50 ปีสำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป เว้นแต่ กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต

สอบถามเพิ่มเติม 091-0473382 https://www.funpizza.net/

หน้าแรก

กฎหมายหน้ารู้

การลงลายมือชื่อ การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

การลงลายมือชื่อ การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

กรณีที่มีการให้กู้ยืมเงินโดยวิธีการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หากมีการดำเนินการต่างๆตามที่กฎหมายบัญญัติ   กรณีนี้ก็ถือว่ามีการลงลายมือชื่อ และมีหลักฐานจากการกู้ยืมแล้ว

 

คำพิพากษาฎีกาที่ 8089/2556

การที่จำเลยนำบัตรกดเงินสดควิกแคชไปถอนเงินสดและใส่รหัสส่วนตัว เปรียบได้กับการลงลายมือชื่อตนเอง การทำรายการเบิกถอนเงินตามที่จำเลยประสงค์และกดเงินยืนยันทำรายการพร้อมรับเงินสดและสลิปไปแล้ว การกระทำดังกล่าวถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินจากโจทก์ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 มาตรา 7, 8 และ 9   จำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ขอขยายเวลาชำระหนี้ โดยจำเลยลงลายมือชื่อมาแสดง จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานแห่งการกู้ยืมอีกอย่างหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจในการฟ้องคดีได้

สอบถามเพิ่มเติม  091-0473382

หน้าแรก

 

กฎหมายหน้ารู้

สิทธิเรียกร้องจากการกระทำที่เป็นการละเมิด

สิทธิเรียกร้องจากการกระทำที่เป็นการละเมิด

              องค์ประกอบของการกระทำที่เป็นละเมิด กล่าวคือ

  1. กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
  2. กระทำโดยผิดกฎหมาย
  3. การกระทำก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
  4. ความเสียหายเป็นผลมาจากการกระทำดังกล่าวนั้น

                สำหรับการละเมิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ เป็นกฎหมายที่ออกมาใช้บังคับด้วยเหตุผลว่า  การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์เฉพาะตัว ในการดำเนินงานบางครั้งอาจเกิดความเสียหายขึ้นโดยความไม่ตั้งใจและผิดพลาดเล็กน้อยแต่กลับต้องรับผิดเป็นการเฉพาะตัว และที่ผ่านมายังใช้หลักของลูกหนี้ร่วมทำให้เจ้าหน้าที่ต้องร่วมรับผิดในการกระทำของผู้อื่นด้วย  ซึ่งเป็นระบบที่มุ่งจะให้ได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายอย่างครบถ้วนโดยไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมที่จะมีต่อบุคคล จึงก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม และยังเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ จนบางครั้งเป็นปัญหาในการบริหารงานเพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าตัดสินใจในการทำงานเท่าที่ควร      ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงให้เจ้าหน้าที่รับผิดทางละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่เฉพาะเมื่อเป็นการจงใจให้เกิดความเสียหายหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และให้แบ่งแยกความรับผิดของแต่ละคน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของรัฐ

                      ดังนั้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในหน้าที่ของตนนั้นหากเกิดความเสียหายขึ้นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย คือ พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.๒๕๓๙ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าทีนั้นต้องไม่ได้เกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่  การที่มีกฎหมายให้ความคุ้มครองแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ดังกล่าวนั้นเนื่องจากในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ บางกรณีอาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดหรือเป็นเหตุสุดวิสัยโดยมิได้เกิดจากความ จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงส่งผลให้เกิดความเสียหายพระราชบัญญัติความรับผิด ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พ.ศ.๒๕๓๙ จึงบัญญัติคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไว้ ดังนี้

             มาตรา๕ วรรคหนึ่ง “ หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่ เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐ ดังกล่าวได้โดยตรงแต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้  ”

            แต่หากเจ้าหน้าที่กระทำการนอกเหนือหรือไม่ได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ปกติของตน เช่น เจ้าพนักงานการเงิน ไม่ได้มีหน้าที่ในการขับรถ แต่ได้ขับรถไปซึ่งมิใช่หน้าที่ของตนแล้วเกิดเฉี่ยวชนกับคุคลภายนอกได้รับความเสียหายเป็นต้นย่อมไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

           มาตรา๖ บัญญัติว่า  “ ถ้าการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่มิใช่การกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดในการนั้น เป็นการเฉพาะตัว ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องเจ้าหน้าที่ ได้โดยตรง แต่จะฟ้องหน่วยงานรัฐไม่ได้” จะเห็นได้ว่าหากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อื่นนอกเหนือหน้าที่ของตนตามที่กฎ ระเบียบ กำหนดไว้แล้วรัฐไม่คุ้มครองแต่ถ้าได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนโดยชอบแล้วเมื่อเกิดความ ผิดพลาดไม่ว่าบุคคลใดได้รับความเสียหายหรือทำให้รัฐเองเสียหายก็ตาม หน่วยงานของรัฐ จะต้องเข้ารับผิดชดใช้ค่าเสียหายแทนเจ้าหน้าที่ แต่ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่า ความผิดพลาดที่ เกิดขึ้นเนื่องมาจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ตามความที่บัญญัติไว้ใน มาตรา๘ วรรคหนึ่ง “ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย เพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่า สินไหมทดแทนดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ได้กระทำการอันเป็นไปด้วยความจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

                กรณีจะเป็นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจะต้องเป็นประมาทเลินเล่อเสียก่อนโดย “จะเป็นส่วนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างจงใจกับประมาทเลินเล่อธรรมดา” คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยตอบข้อหารือกรมบัญชีกลางว่า การที่จะพิจารณาว่ากรณีใดจะเป็นการกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบทุกคน จนถึงคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์หรือศาล ส่วนอย่างไรเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงย่อมขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงแต่ละกรณีไปความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจะมีลักษณะไปในทางที่บุคคลนั้นได้กระทำไปโดยขาดความระมัดระวังที่เบี่ยงเบนไปจากเกณฑ์มาตรฐานอย่างมาก เช่น คาดเห็นได้ว่าความเสียหายอาจเกิดขึ้นได้หรือหากใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อย ก็คงได้คาดเห็นการอาจเกิดความเสียหายนั้น นั้นเอง

 

 

กฎหมายหน้ารู้