ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิรวม ต้องฟ้องเจ้าของรวมทุกคนเป็นจำเลย หรือไม่

ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิรวม ต้องฟ้องเจ้าของรวมทุกคนเป็นจำเลยหรือไม่

คำถาม :  ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิรวม ต้องฟ้องเจ้าของรวมทุกคนเป็นจำเลยหรือไม่
คำตอบ : ศาลฎีกาได้วินิจฉัยแนวคดีดังกล่าวเป็น ๒ แนวคือ

แนวแรกต้องฟ้องเจ้าของรวมทุกคนปรากฎตาม คำพิพากษาฎีกาที่ ๕/๒๕๕๘

         โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินและให้จำเลยให้ความยินยอมในการรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมจำเลยให้การว่าที่ดินตามฟ้องเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาทคือโจทก์จำเลยและพี่น้องร่วมบิดามารดารวมทั้งหมด5คนเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งมีทายาทคนอื่นนอกจากโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยแต่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้เดียวแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์การกำหนดส่วนแบ่งตามคำขอของโจทก์อาจกระทบถึงสิทธิของทายาทคนอื่นซึ่งมิได้เข้ามาในคดีได้คำขอของโจทก์จึงไม่อาจบังคับได้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง

แนวที่ ๒ ไม่จำเป็นต้องฟ้องเจ้าของรวมทุกคน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๑๒๑/๒๕๔๐

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 บัญญัติให้เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ มีสิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินได้โดยมิได้บังคับให้เจ้าของรวมผู้ประสงค์จะให้แบ่งทรัพย์สินต้องฟ้องผู้มีกรรมสิทธิ์รวมทุกคน และเมื่อไม่ปรากฏว่ามีนิติกรรมขัดอยู่ ทั้งวัตถุประสงค์ที่เป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทก็ไม่มีลักษณะเป็นการถาวร โจทก์ในฐานะที่เป็นเจ้าของรวมร่วมกับจำเลยบุคคลอื่นอีก จึงมีสิทธิเรียกขอให้แบ่งที่ดินพิพาทดังกล่าวให้แก่ตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 การที่โจทก์เรียกให้แบ่งที่ดินพิพาทซึ่งอาจต้องดำเนินการแบ่งตามวิธีการที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364กำหนดไว้นั้น มิใช่เป็นการเรียกให้แบ่งทรัพย์สินในเวลาที่ไม่เป็นโอกาสอันควรตามมาตรา 1363 วรรคสาม

โดยสรุปเพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการบังคับคดี ควรฟ้องเจ้าของรวมทุกคน

———————————————————————————————–

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

กฎหมายหน้ารู้

กฎหมายความรับผิดฐานโกงเจ้าหนี้

กฎหมายความรับผิดฐานโกงเจ้าหนี้

ตามบทบัญญัติกฎหมาย ป.อ. มาตรา 350 กำหนดไว้ว่า  “ ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ”

จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า เจ้าหนี้ที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ มิได้หมายถึงเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น    แต่ยังมีความหมายรวมถึงเจ้าหนี้อื่นซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิฟ้องให้ชำระหนี้ด้วย  ดังนั้นการแกล้งให้ตนเองเป็นหนี้อันไม่เป็นความจริง   ย่อมมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ได้ด้วย

——————————————————

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

 

กฎหมายหน้ารู้

เช่าซื้อรถยนต์ แล้วเกิดเหตุ รถหาย ผู้เช่าซื้อควรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:

เช่าซื้อรถยนต์ แล้วเกิดเหตุ รถหาย (ไม่ว่าจะจากการโจรกรรมหรือเหตุอื่น) ผู้เช่าซื้อควรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. แจ้งความกับตำรวจ    รีบแจ้งความทันที ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่รถหาย

ขอรับ ใบแจ้งความ (บันทึกประจำวัน) เพื่อใช้เป็นหลักฐานต่อบริษัทไฟแนนซ์และบริษัทประกันภัย

 

2. แจ้งบริษัทไฟแนนซ์     ติดต่อบริษัทเช่าซื้อหรือไฟแนนซ์ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถ

ส่งสำเนาใบแจ้งความ พร้อมแจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์ที่รถหาย

ห้ามปิดบังข้อมูลหรือหลอกลวง มิฉะนั้นจะเข้าข่ายฉ้อโกง

 

3. แจ้งบริษัทประกันภัย (ถ้ามี)   ถ้ารถมี ประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองกรณีรถหาย ให้รีบแจ้งเคลม

ส่งเอกสารที่จำเป็น เช่น สำเนาทะเบียนรถ, ใบแจ้งความ, สำเนาสัญญาเช่าซื้อ ฯลฯ

บริษัทประกันจะประเมินและจ่ายค่าสินไหมให้บริษัทไฟแนนซ์ (เจ้าของรถ)

 

4. รอการพิจารณาจากไฟแนนซ์   กรณีที่ไม่มีประกัน หรือประกันไม่ครอบคลุม

ผู้เช่าซื้อ ยังคงมีภาระหนี้อยู่ และอาจต้องชดใช้ค่าสินไหมให้ไฟแนนซ์เต็มจำนวน

ไฟแนนซ์อาจพิจารณาให้ เจรจาประนอมหนี้ หรือ ผ่อนชำระคงค้าง ได้ตามกรณี

 

5. เตรียมรับผลทางกฎหมายหากไม่แจ้ง/ไม่จ่าย     ถ้าไม่แจ้งความ หรือไม่นำส่งเอกสารให้ครบ อาจเข้าข่ายต้องสงสัยว่าร่วมในเหตุรถหาย    ถ้าไม่ชำระหนี้ อาจถูกฟ้องร้องตามสัญญาเช่าซื้อและถูกบันทึกประวัติเครดิต

 

ขั้นตอน ทำอะไรบ้าง

  1. แจ้งความ ภายใน 24 ชม. พร้อมขอใบแจ้งความ
  2. แจ้งไฟแนนซ์ ส่งเอกสารและแจ้งเหตุการณ์ทันที
  3. แจ้งประกัน ถ้ามีประกันชั้น 1 จะช่วยลดภาระ
  4. ติดตามผล ร่วมมือกับไฟแนนซ์ในกระบวนการ
  5. เจรจาหนี้ หากยังต้องชำระส่วนต่าง ให้ขอประนอมหนี้

——————————————————————————————-

กฎหมายหน้ารู้

หลักการ 9 ข้อที่ผู้ค้ำประกันต้องรู้

กฎหมายหน้ารู้

การสร้างสิ่งปลูกสร้างลุกล้ำที่ดินผู้อื่น

การสร้างสิ่งปลูกสร้างลุกล้ำที่ดินผู้อื่น

การสร้างบ้าน รั้ว หรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ที่ล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ตามกฎหมาย เจ้าของที่ดินมีสิทธิ์เรียกร้องให้ผู้ลุกล้ำรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างนั้นออก หรืออาจเรียกค่าเสียหายได้ตามกรณี

 

แม้ผู้สร้างจะอ้างว่าไม่รู้ว่าล้ำที่ ก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้นก่อนเริ่มก่อสร้าง ควรตรวจสอบแนวเขตที่ดินให้ชัดเจน และปรึกษาวิศวกรหรือเจ้าหน้าที่ที่ดินเพื่อป้องกันปัญหาข้อพิพาทในอนาคต

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

 

กฎหมายหน้ารู้

ข้อห้ามในการทวงถามหนี้ ตามกฎหมายไทย

ข้อห้ามในการทวงถามหนี้ ตามกฎหมายไทย

       การทวงถามหนี้เป็นสิทธิของเจ้าหนี้ แต่ต้องทำภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อไม่ให้ละเมิดสิทธิของลูกหนี้ โดย พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 ได้กำหนดข้อห้ามที่สำคัญไว้ ดังนี้:

  1. ห้ามข่มขู่ คุกคาม หรือใช้ความรุนแรง ห้ามใช้ถ้อยคำรุนแรง การขู่เข็ญ หรือการกระทำที่ทำให้ลูกหนี้หวาดกลัว
  2. ห้ามประจานหรือเปิดเผยข้อมูลหนี้ให้ผู้อื่นทราบ เช่น โทรหาญาติ เพื่อน หรือที่ทำงานของลูกหนี้ เพื่อให้เกิดความอับอาย ถือว่าผิดกฎหมาย
  3. ห้ามทวงหนี้ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ทวงหนี้ได้เฉพาะเวลา 08.00 – 20.00 น. ในวันธรรมดา และ 08.00 – 18.00 น. ในวันหยุดราชการ
  4. ห้ามใช้เอกสารปลอม หรือแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น แอบอ้างเป็นตำรวจ หรือส่งหนังสือปลอมที่ดูคล้ายหมายศาล
  5. ห้ามติดต่อบ่อยครั้งเกินสมควร การติดต่อในลักษณะที่รบกวนหรือคุกคาม เช่น โทรทุกชั่วโมง ถือว่าผิดกฎหมาย

หากถูกทวงหนี้ผิดกฎหมาย ต้องทำอย่างไร?

      ผู้ที่ถูกทวงหนี้ไม่ถูกต้องสามารถร้องเรียนได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

——————————————————————————————————————

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382     

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

กฎหมายหน้ารู้

เหตุแห่งการโดนฟ้องล้มละลาย

เหตุแห่งการโดนฟ้องล้มละลาย

  1. เป็นหนี้เกิน 1,000,000 บาท (บุคคลธรรมดา)

หากลูกหนี้เป็นบุคคลธรรมดา และมีหนี้ที่ถึงกำหนดชำระรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท เจ้าหนี้มีสิทธิยื่นฟ้องล้มละลายได้

  1. เป็นหนี้เกิน 2,000,000 บาท (นิติบุคคล)

หากลูกหนี้เป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือองค์กรธุรกิจ และมีหนี้เกิน 2 ล้านบาท เจ้าหนี้ก็สามารถยื่นฟ้องล้มละลายได้เช่นกัน

  1. มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการชำระหนี้ เช่น:

–  โอนทรัพย์สินหนีหนี้

–  ปิดกิจการหรือย้ายทรัพย์สินโดยไม่มีเหตุสมควร

–  ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ในเวลาที่ควรจะจ่าย

–  ถูกเจ้าหนี้ยื่นฟ้องแพ่งหลายราย

  1. ผิดนัดชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง

หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้หลายครั้ง หรือมีพฤติกรรมเพิกเฉยต่อการเรียกเก็บเงิน เจ้าหนี้อาจเห็นว่ามีเหตุล้มละลาย

  1. ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้

กรณีตรวจสอบแล้วพบว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินที่เพียงพอจะชำระหนี้ เจ้าหนี้สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

 

✅ สรุป:

เจ้าหนี้สามารถฟ้องล้มละลายลูกหนี้ได้ เมื่อมีหนี้ถึงเกณฑ์ และลูกหนี้มีพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นว่า ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรือ เจตนาหลบเลี่ยงการชำระหนี้ โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่ามีเหตุล้มละลายตามกฎหมายหรือไม่

กฎหมายหน้ารู้

อายุความเช่าซื้อรถยนต์คืออะไร?

อายุความเช่าซื้อรถยนต์คืออะไร?

สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ เป็นสัญญาที่ผู้เช่าซื้อ (เช่น ผู้ซื้อรถ) ตกลงผ่อนชำระค่างวดให้กับผู้ให้เช่าซื้อ (เช่น ไฟแนนซ์) ตามระยะเวลาที่ตกลงกัน โดยกรรมสิทธิ์ในรถยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าจะผ่อนหมด

หากผู้เช่าซื้อผิดสัญญา เช่น ไม่ชำระค่างวด หรือ หยุดผ่อน ทางไฟแนนซ์สามารถยึดรถคืน หรือฟ้องร้องเรียกหนี้ได้ ซึ่งกรณีนี้เกี่ยวข้องกับเรื่อง “อายุความ” ในทางกฎหมาย

⏳ อายุความเช่าซื้อรถยนต์ตามกฎหมาย

อายุความ = 5 ปี

(ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/13)

เริ่มนับ: จากวันที่ผู้เช่าซื้อ ผิดนัดชำระ    หรือจากวันที่ไฟแนนซ์มีสิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมด (เช่น เมื่อผิดนัดติดต่อกันหลายงวดตามที่ระบุในสัญญา)

 

ตัวอย่าง:

นาย A ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับบริษัท X เริ่มผ่อนเดือนละ 8,000 บาท ตั้งแต่ ม.ค. 2565 แต่หยุดจ่ายหลังเดือน มิ.ย. 2565

→ บริษัท X มีสิทธิฟ้องภายใน 5 ปี นับจากวันที่ A ผิดนัด (เช่น ก.ค. 2565)

→ หากฟ้องเกิน ก.ค. 2570 จะถือว่า ขาดอายุความ

 

หมายเหตุสำคัญ

การเจรจาหรือมีหนังสือทวงหนี้ อาจ หยุด หรือ สะดุด การนับอายุความได้ (ตามเงื่อนไขของแต่ละกรณี)

หากไฟแนนซ์ยึดรถแล้ว ยังสามารถฟ้องเรียก ส่วนที่ขาด จากการขายทอดตลาดได้ ซึ่งต้องฟ้องภายใน 5 ปี เช่นกัน

————————————————————————–

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

กฎหมายหน้ารู้

การเตรียมตัวก่อนขึ้นศาลในคดีอาญา

การเตรียมตัวก่อนขึ้นศาลในคดีอาญา: สิ่งที่คุณควรรู้

การต้องขึ้นศาลในคดีอาญา ไม่ว่าจะในฐานะจำเลย พยาน หรือผู้เสียหาย อาจเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลและเครียดไม่น้อย แต่หากเราเตรียมตัวให้พร้อม ก็จะสามารถผ่านกระบวนการต่างๆ ไปได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรม

✅ 1. ทำความเข้าใจสถานะของตนในคดี  ก่อนอื่นต้องรู้ว่าคุณอยู่ในสถานะใดในคดี:

– จำเลย (ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด)

– ผู้เสียหาย (ผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิด)

– พยาน (ผู้ให้ข้อมูลกับศาล)

– สถานะที่ต่างกันมีบทบาทและสิทธิที่ต่างกัน เช่น จำเลยมีสิทธิไม่ต้องให้การในชั้นศาลก็ได้ แต่พยานต้องให้การโดยสัตย์จริง

✅ 2. เตรียมเอกสารหลักฐาน

– เอกสารส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน ใบแจ้งความ (ถ้ามี)

– หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น รูปถ่าย วิดีโอ เอกสารต่างๆ พยานบุคคล

– หากมีทนายความ ควรปรึกษาก่อนเพื่อเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

✅ 3. ปรึกษาทนายความ

– หากเป็นคดีอาญา โดยเฉพาะหากคุณเป็นจำเลย ควรมีทนายความเพื่อช่วยแนะนำสิทธิและแนวทางการต่อสู้คดี

– หากไม่มีทนาย ศาลจะจัดหาทนายให้ (เฉพาะคดีที่มีโทษจำคุก)

✅ 4. แต่งกายเรียบร้อย สุภาพ

การแสดงความเคารพต่อศาลเป็นสิ่งสำคัญ:    เสื้อผ้าควรเรียบร้อย ไม่ฉูดฉาด  ไม่ใส่หมวก แว่นกันแดด หรือเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม    ปิดเสียงโทรศัพท์ก่อนเข้าห้องพิจารณาคดี

✅ 5. มาถึงศาลก่อนเวลา

ควรมาถึงศาล อย่างน้อย 30 นาที ก่อนเวลานัดหมาย เพื่อเช็กชื่อ ยื่นเอกสาร และฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่

✅ 6. ทำความเข้าใจขั้นตอนในศาล   ในคดีอาญา อาจมีขั้นตอนต่างๆ เช่น:

  • การไต่สวนมูลฟ้อง
  • การสอบคำให้การ
  • การสืบพยานโจทก์และจำเลย
  • การพิพากษาคดี

หากมีคำถามหรือลังเลในศาล ควรขออนุญาตจากศาลเพื่อสอบถาม ห้ามพูดแทรกหรือแสดงท่าทางไม่เหมาะสม

✅ 7. ตั้งสติ และให้การตามความจริง

หากคุณต้องให้การในฐานะพยานหรือจำเลย ควรตั้งสติ พูดตามความจริง ไม่เสริมแต่ง และตอบคำถามอย่างชัดเจน หากไม่เข้าใจคำถามให้ขอให้ศาลอธิบายได้การขึ้นศาลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม การเตรียมตัวให้พร้อมไม่เพียงช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนต่างๆ แต่ยังแสดงให้ศาลเห็นถึงความเคารพในกฎหมาย และสามารถช่วยให้คุณได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด

———————————————————————————————————————————————————

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

กฎหมายหน้ารู้

ความผิดที่เจ้าของรถต้องรู้! เมื่อคิดจะนำรถไปจำนำ

ความผิดที่เจ้าของรถต้องรู้! เมื่อคิดจะนำรถไปจำนำ

ปัจจุบันการนำ “รถยนต์ไปจำนำ” เป็นทางออกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน แต่เจ้าของรถจำนวนไม่น้อย ไม่รู้ว่าการนำรถไปจำนำโดยไม่ถูกต้องอาจเป็นความผิดทางกฎหมาย โดยเฉพาะรถที่ยังผ่อนไม่หมด หรือยังอยู่ในสัญญาเช่าซื้อกับไฟแนนซ์

❌ นำรถที่ยังผ่อนไม่หมดไปจำนำ = ผิดกฎหมาย

หากคุณนำรถที่ยังอยู่ในสัญญาเช่าซื้อไปจำนำ โดยไม่มีการขออนุญาตจากไฟแนนซ์ จะเข้าข่าย ความผิดฐานยักยอกทรัพย์

เพราะตามกฎหมาย รถยังไม่ใช่ “กรรมสิทธิ์” ของคุณอย่างสมบูรณ์ เจ้าของที่แท้จริงคือบริษัทไฟแนนซ์

 

⚖️ โทษตามกฎหมาย

ยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากผู้รับจำนำรู้ว่ารถยังผ่อนไม่หมดแต่ยังรับไว้ อาจเข้าข่าย รับของโจร ซึ่งก็มีความผิดด้วยเช่นกัน

 

✅ ทางออกที่ถูกต้อง

  • หากจำเป็นต้องใช้เงิน ควรเลือก “สินเชื่อรถแลกเงิน” จากสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • หากจะนำรถไปจำนำ ควรใช้รถที่ปลอดภาระ (ผ่อนหมดแล้ว)
  • หลีกเลี่ยง “เต็นท์เถื่อน” หรือ “นายทุนรับจำนำรถ” ที่ไม่มีใบอนุญาต เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ หรือถูกเอาเปรียบ

การนำรถไปจำนำอย่างไม่รู้กฎหมาย อาจทำให้คุณจากที่ขาดเงิน กลายเป็น “ติดคุก” ได้โดยไม่รู้ตัว อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง และหากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนักกฎหมายก่อนตัดสินใจ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร : 02-1217414 ,091-0473382

Line : https://page.line.me/379vfaui

พิกัด : ถ.บางนาตราด (ใกล้ห้างเมกะบางนา)

เปิดให้บริการ [ จันทร์-ศุกร์ ] เวลา 09:00-17:00 น.

กฎหมายหน้ารู้