• หน้าแรก
  • นโยบายของเรา
  • กฎหมายน่ารู้
  • เกี่ยวกับเรา
  • บริการของเรา
  • ลูกค้าของเรา
  • ติดต่อเรา
  • https://personeriadeaguachica.gov.co/

  • https://www.miyosushi.net/

  • slot thailand

  • slot depo 5k

หลักฐานในการกู้ยืมเงิน   

หลักฐานในการกู้ยืมเงิน   

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคแรก  ได้วางบทบัญญัติไว้ว่าการกู้ยืมเงินกว่า 2,000 บาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่

จากบทบัญญัติตามกฎหมายดังกล่าว  สามารถตั้งข้อสังเกตได้ดังต่อไปนี้

1)   การกู้ยืมที่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือในการฟ้องร้องบังคับคดีนั้น  จะต้องเป็นการกู้ยืมเงินเกินกว่า 2,000 บาทขึ้นไป   ดังนั้น การกู้ยืมกันเพียง 2,000 บาทพอดีหรือต่ำกว่าจึงไม่ต้องการหลักฐานเป็นหนังสือในการฟ้องร้องบังคับคดีแต่อย่างใด

2)  หลักฐานเป็นหนังสือนั้น  ไม่ใช่แบบของนิติกรรม แต่เป็นหลักฐานที่กฎหมายบังคับให้มี  ฉะนั้นจะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้  เพราะถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องของแบบนิติกรรมแล้วก็คงจะบัญญัติผลให้เป็นโมฆะ  ไม่ใช่บัญญัติแต่เพียงว่าให้มีผลฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้เท่านั้น

                คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง

  คำพิพากษาฎีกาที่ 8175/2551   หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 นั้น  อาจเกิดมีขึ้นในขณะกู้ยืมเงินกันหรือภายหลังจากนั้นก็ได้  และไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นหลักฐานที่ได้มอบไว้แก่กัน  แค่คำให้การพยานที่จำเลยเบิกความไว้ในคดีอาญาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์จะเกิดมีขึ้นภายหลังการกู้ยืมเงินและไม่มีการส่งมอบให้ไว้แก่กันก็ตาม   ก็ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยและโจทก์เป็นกรณีที่มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้ว   ดังนั้น  เมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  ลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้ยืมมาแสดง  จำเลยจึงนำสืบการใช้เงินไม่ได้เพราะเป็นการต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้น

คำพิพากษาฎีกาที่ 28/2505  จำเลยยืมเงินโจทก์  โจทก์ให้เงินไปก่อนแต่ยังไม่ได้ทำสัญญากู้  ภายหลังจำเลยจึงทำหนังสือรับรองใช้หนี้ให้     ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  จริงอยู่ในกรณีนี้ในเวลาที่อ้างว่าได้มีการกู้ยืมเงินกันนั้น  คู่กรณีหาได้ทำหนังสือในการกู้ยืมเป็นหนังสือกันไว้ไม่  ย่อมจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ไม่  แต่ในเวลาต่อมาก็ได้มีหลักฐานในการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญเกิดขึ้นแล้ว  ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีนั้นได้

คำพิพากษาฎีกาที่ 5644/2546    โจทก์ฟ้องขอบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ  แม้หนี้เดิมจะมาจากมูลหนี้การกู้ยืมเงิน  แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืม  โจทก์จึงไม่จำต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้กู้มาแสดงต่อศาล

หนี้ตามต้นเงินที่โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับเป็นหนี้จากมูลสัญญาประนีประนอมยอมความมิใช่หนี้กู้ยืม  จึงไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้โจทก์เรียกหรือคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราร้อยละ 15 ต่อปี

ในกรณีที่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือแล้ว  แต่ต่อมาได้สูญหายไป  กรณีนี้ถือว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือจึงสามารถนำสืบพยานบุคคลเกี่ยวกับการสูญหายได้ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย

คำพิพากษาฎีกาที่ 696/2522    จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์  โดยจำเลยยินยอมอนุญาตให้ ณ. บุตรจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อจำเลยในช่องผู้กู้แทนจำเลย  ดังนั้น  หาผูกพันจำเลยไม่  และกรณีเช่นนี้หาใช่กรณีที่จำเลยเชิดให้ ณ.เป็นตัวแทนกู้เงินโจทก์ไม่

 

คุยคดีเงินกู้  #ทนายคดีเงินกู้  091-0473382 ,02-1217414  คุณสุริยา สนธิวงศ์ ( ทนายความ )

 

กฎหมายหน้ารู้

สิทธิบอกเลิกเช่าซื้อรถยนต์หรือจักรยานยนต์
ความรับผิดในมูลหนี้สำหรับทายาทผู้รับมรดก
ข้อยกเว้นความรับผิดในข้อหา ” หมิ่นประมาท “

สอบถามข้อมูล




    สำนักงานกฎหมาย สยามอินเตอร์ลอว์

    71/264 หมู่บ้านเดอะคัลเลอร์ส บางนา
    ซอยมหาชัย ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

    02-1217414 , 091-0473382

    siaminterlaw09@gmail.com

    ติดตามเรา

    • Facebook
    • Instagram
    • youtube
    • Line